AI Agent คืออะไร?
ในโลกของปัญญาประดิษฐ์ AI Agent คือระบบอัจฉริยะที่ถูกออกแบบมาให้สามารถรับรู้สภาพแวดล้อม วิเคราะห์ข้อมูล และตัดสินใจดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ AI Agent อาจอยู่ในรูปแบบของซอฟต์แวร์ หรือในบางกรณีอาจเป็นระบบที่มีร่างกาย เช่น หุ่นยนต์ หรือรถยนต์ไร้คนขับ
คุณลักษณะสำคัญของ AI Agent
-
ความเป็นอิสระในการทำงาน (Autonomy) AI Agent สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการควบคุมจากมนุษย์โดยตรง เมื่อได้รับการตั้งค่าหรือคำสั่งเริ่มต้นแล้ว จะสามารถตัดสินใจและดำเนินการได้ด้วยตัวเอง
-
ความสามารถในการรับรู้ (Perception) AI Agent สามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น:
- ข้อมูลจากเซนเซอร์
- ฐานข้อมูลที่มีโครงสร้าง
- ข้อความภาษาธรรมชาติ
- รูปภาพและเสียง
- การป้อนข้อมูลจากผู้ใช้
-
การสร้างโมเดลสถานะ (State Modeling) ระบบจะเก็บรักษาข้อมูลสภาพแวดล้อมภายในไว้ ซึ่งอาจรวมถึง:
- สภาวะปัจจุบัน
- ข้อมูลที่ได้เรียนรู้
- ความสัมพันธ์ที่วิเคราะห์ได้ โมเดลนี้ช่วยให้ AI Agent เข้าใจบริบท คาดการณ์สถานะในอนาคต และพิจารณาผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำของตน
-
การตัดสินใจและการให้เหตุผล (Decision Making) AI Agent ใช้ฟังก์ชันการคิดวิเคราะห์ตั้งแต่:
- ตรรกะแบบง่ายที่ใช้กฎ
- ไปจนถึงโมเดลการเรียนรู้ของเครื่องที่ซับซ้อน บาง Agent ใช้กลไกการอนุมานที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ในขณะที่บางตัวใช้เทคนิคขั้นสูงเช่น Reinforcement Learning หรือ Deep Learning
ตัวอย่างการทำงานของ AI Agent
ลองมาดูตัวอย่างการทำงานของ AI Agent ในการจัดการอีเมลแบบอัตโนมัติ:
กระบวนการทำงาน
-
การเริ่มต้นจากผู้ใช้ เมื่อผู้ใช้ส่งคำขอ เช่น “กรองอีเมลตามความสำคัญและแจ้งเตือนอีเมลที่สำคัญที่สุด 3 ฉบับ” AI Agent จะเริ่มทำงาน
-
การตีความโดย LLM ระบบ Large Language Model จะทำความเข้าใจคำขอและวางแผนขั้นตอนที่จำเป็น
-
การเข้าถึงข้อมูลภายนอก AI Agent จะเชื่อมต่อกับ API ของอีเมลและดึงข้อมูลที่จำเป็น
-
การประมวลผลและจัดอันดับ ระบบจะวิเคราะห์ความสำคัญของอีเมลโดยพิจารณาจาก:
- ความสำคัญของผู้ส่ง
- การตรวจจับคำสำคัญ
- การใช้โมเดล Machine Learning ที่เรียนรู้จากพฤติกรรมของผู้ใช้
-
การสรุปและรายงาน AI Agent จะสร้างสรุปกระชับและส่งการแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้
ความแตกต่างระหว่าง AI Agent และระบบตอบคำถามทั่วไป
ระบบตอบคำถามทั่วไป (Simple Query Bot)
- ทำงานแบบขั้นตอนเดียว: รับคำถาม-ให้คำตอบ
- มีความฉลาดจำกัด: เพียงจับคู่คำขอกับหมวดหมู่ที่กำหนดไว้
- ใช้เครื่องมือแบบจำกัด: เรียกใช้ API เดียวและส่งคืนผลลัพธ์
AI Agent
-
การคิดวิเคราะห์หลายขั้นตอน
- แยกงานซับซ้อนเป็นงานย่อย
- วางแผนและจัดลำดับการทำงาน
-
การใช้เครื่องมือหลากหลาย
- สามารถเรียกใช้ API หลายตัว
- บูรณาการผลลัพธ์จากแหล่งต่างๆ
-
ความจำ
- จดจำขั้นตอนระหว่างทาง
- เก็บข้อมูลความชอบของผู้ใช้
-
การตัดสินใจแบบวนซ้ำ
- ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามผลลัพธ์
- ทำซ้ำจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย
AI Agent ในโลกแห่งความเป็นจริง
หุ่นยนต์มนุษย์ (Humanoid Robots)
หุ่นยนต์มนุษย์จะถือเป็น AI Agent ก็ต่อเมื่อมีระบบควบคุมที่ฉลาด หุ่นยนต์มนุษย์ขั้นสูงใช้เทคโนโลยีหลายอย่าง เช่น:
- การประมวลผลภาษาธรรมชาติ
- การมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์
- การเรียนรู้ของเครื่อง เพื่อทำความเข้าใจสภาพแวดล้อม สื่อสารกับมนุษย์ และโต้ตอบแบบไดนามิก
รถยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Cars)
รถยนต์ไร้คนขับเป็นตัวอย่างที่ดีของ AI Agent ที่ใช้งานจริง โดยใช้:
- เซนเซอร์หลากหลาย (กล้อง, ไลดาร์, เรดาร์, GPS)
- อัลกอริทึมการรับรู้ขั้นสูง
- โมเดลการคาดการณ์
- ระบบตัดสินใจ เพื่อนำทางบนถนนอย่างปลอดภัย
หุ่นยนต์ประเภทอื่นๆ
หุ่นยนต์จะถือเป็น AI Agent เมื่อมีความสามารถในการ:
- รับรู้สภาพแวดล้อม
- ตัดสินใจอย่างอิสระ
- ดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมาย
ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์บริการในโรงแรม หุ่นยนต์ในคลังสินค้า หรือโดรน ที่ใช้ระบบ AI ในการนำทางและตัดสินใจ
บทสรุป
AI Agent เป็นมากกว่าระบบตอบคำถามทั่วไป โดยรวมความสามารถหลายด้านเข้าด้วยกัน:
- การให้เหตุผล
- การใช้เครื่องมือ
- ความจำ
- การตัดสินใจ
ทำให้ AI Agent มีประสิทธิภาพในการจัดการงานที่ซับซ้อน เช่น:
- การวางแผนการเดินทาง
- การจัดการโครงการ
- การจัดการกิจกรรม และงานอื่นๆ ที่ต้องการมากกว่าการตอบคำถามเพียงขั้นตอนเดียว
ในอนาคต AI Agent จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการช่วยเหลือมนุษย์ ทั้งในรูปแบบของซอฟต์แวร์และระบบที่มีร่างกาย การเข้าใจพื้นฐานและความสามารถของ AI Agent จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเตรียมพร้อมรับมือกับเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
Cover image by viscovery
ปล. บทความนี้เขียนด้วย AI (^ . ^)